วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สูตรและเคล็ดลับสมุนไพรใกล้ตัวหายป่วยด้วยสมุนไพร


แนะนำให้เซฟไว้ด่วน
สูตรและเคล็ดลับสมุนไพรใกล้ตัวหายป่วยด้วยสมุนไพร

สูตรและเคล็ดลับสมุนไพรใกล้ตัวเล่มนี้ ผู้เขียนได้รวบรวมมาจากคำบอกเล่าของผู้เฒ่า ผู้แก่และหมอพื้นบ้านที่เก็บอำสูตรเอาไว้มานานเพราะไม่ค่อยมีใครสนใจ แต่ผู้เขียนเห็นว่าเป็นประโยชน์และมีคุณค่ามากจึงสืบถามจากท่านทั้งหลายมาเผยแพร่ คงดีกว่าให้ความรู้นี้สูญสลายไปกับวัยและสังขารของท่าน ท่านใดอ่านแล้วช่วยบอกคนอื่นต่อๆไปด้วย คงได้ประโยชน์มากๆ
ใบพลูแก้ปวดท่านคงจะเคยมีอาการปวดเมื่อย เคล็ด ขัด ยอกตามร่างกายหลังจากทำงานมาหนักๆ จะนอนพักก็รู้สึกว่าปวด หยูกยาก็ไม่มีกินถึงมีกินก็กลัวกัดกระเพาะ ลองใช้วิธีนี้ดูสิ ถ้าท่านรู้สึกปวดเมื่อยบริเวณไหน ให้เอาใบพลูไปอังไฟให้ร้อนได้ที่ แล้วเอาไปนาบตรงที่ปวด หายเป็นปลิดทิ้งเลยครับ
กระชายแก้ลมวิงเวียนอาการวิงเวียนศรีษะนี่ก็เป็นกันมาก ถ้าอาการกำเริบเมื่อไหร่บ้านพลิกไปพลิกมาน่าเวียนหัว แต่เรามีวิธีแก้ไข เอารากกระชายแก่ๆมาล้างให้สะอาดหั่นเป็นแว่นบางๆแล้วตากแห้งเก็บไว้ ให้ท่านชงรากกระชายกับน้ำร้อนแทนใบชา ดื่มเป็นประจำแก้ลมวิงเวียนดีนักแลหรือจะทำยาโด๊ป ก็ให้เอารากกระชายเผาไฟแล้วฝนกับน้ำปูนใส รับรองภรรยาไม่หนีไปไหน
ผักบุ้งดับพิษบุ้งบุ้งคือหนอนชนิดหนึ่งที่ตัวอ้วนๆสั้นๆมีขนรอบตัว อาจจะดูน่ารักอยู่หรอก แต่ถ้าไปถูกตัวมันเมื่อไหร่แสบเข้าไปถึงทรวงแน่นอน เป็นผื่นคันปวดแสบปวดร้อน แต่ก็รักษาไม่ยากให้หาผักบุ้งมา 1 กำมือเด็ดเอาแต่ใบ โขลกให้ละเอียดผสมกับเหล้า 40 ดีกรี ถ้าไม่มีก็เอาเหล้าอะไรก็ได้ ใส่ให้พอแฉะๆแล้วเอามาทาตรงที่คัน สักพักอาการคันจะหายทันที
เปลือกกล้วยแก้ผื่นแพ้ลมพิษเวลามดกัดแมลงต่อยหรือเป็นลมพิษ จะรู้สึกคันมากๆยิ่งเกาก็ยิ่งคัน บางทีเกาจนถลอกปอกเปิกไปเลยก็มี ลองใช้เปลือกกล้วยดูสิหายปลิดทิ้งภายในหนึ่งนาทีเลย เอาเปลือกกล้วยโดยเฉพาะกล้วยน้ำว้าดีที่สุด เอาด้านในของเปลือกกล้วยสุกมาทาตรงบริเวณที่มีผื่นคัน รับรองหายปลิดทิ้ง
ใบพลูห้ามเลือดกำเดาเลือดกำเดาหมายถึงเลือดที่ไหลออกจากรูจมูกเท่านั้นถ้านอกเหนือจากรูจมูกไม่เรียกว่าเลือดกำเดา ซึ่งอาจจะออกด้วยสาเหตุหลายประการเช่นถูกภรรยาตบเวลากลับบ้านดึกๆ มีวิธีห้ามเลือดกำเดาง่ายๆ ให้เอาใบพลูมา 1 ใบม้วนให้กลมกะให้พอดีรูจมูกระหว่างที่ม้วนก็ขยำใบพลูให้พอช้ำๆไปด้วยแล้วยัดใส่รูจมูก ทิ้งไว้สักหนึ่งชั่วโมงเลือดจะหยุดไหล
บวบขมกำจัดเหาคนที่ไม่หมั่นสระผมมักจะเป็นเหาโดยเฉพาะน้องๆนักเรียนประถมจะเป็นกันมาก วิธีกำจัดเหามีมากมายหลายวิธีลองวิธีนี้ดูสิรับรองทำครั้งเดียวได้ผลดี เหาตายหมด หาบวบขมมา 1 ลูก แกะเอาเปลือกออกเอาน้ำในลูกบวบทาให้ทั่วหัว ทิ้งให้แห้งแล้วจึงล้างออกให้สะอาด รับรองเหาจะหนีหน้าจากหัวไปอย่างเด็ดขาด
ผักแว่นบกแก้ไอและเจ็บคอถึงหน้าฝนแล้วโรคหวัดก็จะมาเยือนไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่และโรคที่แฝงมากับหวัดก็คือไอและเจ็บคอ ผักแว่นช่วยให้หายได้ หาก็ไม่ยากแถบชนบท ให้เอาต้นกับใบล้างให้สะอาดขนาดพอคำ เอาเกลือเม็ดยัดตรงกลางแล้วอมเหมือนเมี่ยง อาการไอและเจ็บคอจะหายปลิดทิ้ง
เข็มไทยแก้ปากเปื่อยเวลาปากเปื่อยเป็นแผลร้อนในจะทรมานมาก กินน้ำพริก กินแกงเผ็ดก็ไม่ได้ แต่ใบเข็มช่วยรักษาให้หายได้โดยเอาใบเข็มสัก 5 ใบล้างให้สะอาดใส่หม้อกา ใส่น้ำให้ท่วมใบต้มให้เดือดแล้วเอาน้ำอุ่นจากในกามาอมกลั้วคอประมาณ 5 นาทีวันละ 2 ครั้งเช้า-เย็นราวๆ 3-4 วันก็หาย
หญ้าเจ้าชู้แก้ไข้ทับระดูไข้ทับระดูจะเกิดกับผู้หญิงเท่านั้น ผู้ชายและกะเทยจะไม่เป็นโรคนี้เด็ดขาด จะมีก็คงไปทับแข้งทับขาใครเข้า การรักษาโรคไข้ทับระดู รักษาได้ง่ายๆดังนี้ ให้ไปถอนหญ้าเจ้าชู้มาหนึ่งกำมือ ล้างให้สะอาดมัดเป็นสามเปลาะใส่หม้อใส่น้ำให้ท่วมตัวยา ต้มสิบนาทีแล้วตักกินครั้งหนึ่งแก้ว ถ้ากินหนึ่งแก้วให้แก้มัดหนึ่งเปลาะพอกินครบสามเปลาะอาการจะหายทันที
เมล็ดมะละกอแก้ประจำเดือนไม่มาประจำเดือนถ้ามาตรงตามนัดก็ดีไปแต่ถ้าไม่มาสิเป็นเรื่องต้องขวนขวายหาทางทำให้มันมาให้ได้ ลองวิธีนี้สิรักษาหายทุกราย เอาเมล็ดแก่ของมะละกอล้างน้ำให้สะอาดผึ่งลมให้แห้งแล้วเอาไปคั่วในกระทะให้กรอบแล้วบดเป็นผงไว้ เวลาจะกินก็ตักผงมะละกอมา 2 ช้อนกาแฟผสมกับเหล้า 1 ถ้วยชาดื่มรวดเดียวให้หมด ทำกินวันละสามเวลา ประจำเดือนจะมาตรงตามชื่อเลยล่ะ
ใบฝรั่งแก้ท้องร่วงเวลาท้องเสียขึ้นมา ทรมานเหลือเกินเดินเข้าเดินออกทั้งที่ไม่อยากจะเข้าแล้วแต่ก็ต้องไป แถมถ่ายจู๊ดๆจนแสบทวาร เวลาท้องร่วงให้เอาใบฝรั่งแก่ๆสัก 10 ใบมาตำคั้นเอาน้ำแล้วผสมกับน้ำผึ้งทานหลายๆครั้งอาการท้องร่วงและอ่อนเพลียจะค่อยๆหายไปในที่สุด แล้วต่อไปก็กินอาหารสะอาดปรุงเสร็จใหม่
มะเขือพวงแก้เบาหวานมะเขือพวงไม่ใช่มะเขือเผาถ้าเป็นมะเขือเผาแล้วต้องปลดระวาง แต่มะเขือพวงใช้รักษาเบาหวานได้ดีและลดน้ำตาลแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่ลดฮวบจนเป็นลม ให้เอามะเขือพวงหนึ่งมือกับน้ำ 6 แก้วใส่หม้อต้มจนเละแล้วกรองเอาแต่น้ำกินวันละ 1 แก้วจนหมด
มะกรูดแก้น้ำกัดเท้าเข้าหน้าฝนแล้วไปทางไหนก็เฉอะแฉะไปหมดยิ่งต้องเดินลุยน้ำเท้าเปล่าแล้วอาจจะเป็นโรคน้ำกัดเท้าต้องรีบรักษาให้เอามะกรูดผ่าซีกบีบน้ำให้ทั่วแผลน้ำกัดเท้า ให้ทำวันละ 2 ครั้งเช้า-เย็น ไม่เกิน 5 วันอาการน้ำกัดเท้าจะหาย
กระเทียมแก้หูอื้อลมออกหูเวลาลมออกหูหูอื้อไม่ว่าสาเหตุไหนก็ตาม ฟังภรรยาบ่นจนหูอื้อหรือโดนฝ่ามือที่บ้องหูเวลาเจรจาไม่ตกฟาก โบราณท่านว่าให้เอากระเทียม 2 กลีบตำแล้วคั้นน้ำหยอดลงในหู ทิ้งไว้สักครู่อาการจะหายปลิดทิ้งแต่อย่าใส่หลายกลีบท่านอาจจะแสบจนหูอื้อตาลายก็ได้
ผักขึ้นฉ่ายแก้โรคข้อโรคเก๊าท์ผักขึ้นฉ่ายส่วนมากจะเอาใส่ในอาหารประเภทยำหรือก๋วยเตี๋ยวให้มีกลิ่นหอมน่าทานแต่ผักขึ้นฉ่ายยังมีสรรพคุณทางยาช่วยขับกรดยูริค แก้ปวดบวมหัวเข่า ถ้าผู้สูงอายุที่บ้านเป็นโรคเก๊าท์หรือปวดข้อ ข้อบวมให้ทำให้ท่านกินเป็นลูกกตัญญู ให้เอาผักขึ้นฉ่ายสดๆมาตำคั้นน้ำให้ได้น้ำสดๆให้ทำกินวันละ 1 แก้วทุกวันๆจนอาการหาย
หนุมานประสานกายแก้หืดหอบโรคหืดหอบเป็นโรคประจำตัวที่ทรมานมากเหมือนกันยิ่งเวลาเจอฝน อากาศเย็น จะมีอาการหืดแล้วหอบหายใจแทบไม่ทันและต้องกินยาทุกวันแบบไม่รู้ว่าจะหายวันไหน มีสูตรเด็ดที่รักษาให้หายได้แต่ต้องตั้งใจมากๆหน่อย ให้เอาหนุมานประสาน กาย 7 ยอดใส่น้ำ 2แก้วต้มให้เหลือ 1 แก้ว ให้กินครั้งละครึ่งแก้วก่อนอาหาร 15 นาทีเช้า-เย็น ประมาณ 2 เดือนอาการหืดหอบจะหายไป
หัวไชเท้ารักษาโรคนิ่วในไตโรคนิ่วในไตใครเป็นแล้วต้องผ่าทุกราย ยิ่งในชนบทจะเป็นกันมากคงเพราะน้ำดื่มและอาหารไม่สะอาดพอ ผู้ป่วยกินหลายรายแล้วได้ผลดีมาก ไม่ต้องไปผ่านิ่วอีกเลยเพราะสูตรนี้จะช่วยสลายก้อนนิ่ว ให้เอาหัวไชเท้าขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มาล้างปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นแว่นสัก 10 แว่นแช่น้ำผึ้งไว้ 12 ชั่วโมงแล้วเอามากิน กินทั้งน้ำผึ้งและหัวไชเท้าให้หมดพร้อมกัน ถ้าหมดแล้วก็ทำกินอีกแล้วให้สังเกตุดูน้ำปัสสาวะช่วงแรกจะขุ่นข้นมากต่อไปจะใสขึ้นเรื่อยๆจนสีปัสสาวะปกติ
พริกขี้หนูรักษาฝีฝีไม่ว่าจะเป็นตรงไหนจะปวดและทรมานมาก ยิ่งฝีมะม่วงน่าอายเลยล่ะ รักษาได้ง่ายๆแต่ต้องทำตั้งแต่เริ่มเป็น เวลาเป็นฝีที่ตรงไหนให้เอาพริกขี้หนูสดหักครึ่งแล้วเอาทาที่หัวฝีโดยกลั้นใจทาวนให้ทั่ว 7 รอบ ภายใน 2 วันเห็นผลชะงัดนัก
มะนาวดับพิษปลาดุกยักเวลาโดนปลาดุกยักแล้วปวดจนพูดไม่ออกต้องวิ่งโร่หายาหม่อง ยาแก้ปวด ทำให้วุ่นวายทั้งบ้านให้ลองใจเย็นแล้วเอามะนาวผ่าซีกแล้วกดหรือถูตรงรอยปลาดุกยัก รับรองเพียงครู่เดียวอาการปวดจะหายไปหมดสิ้น
บำรุงน้ำนม ในหญิงให้นมลูกหลายคนจะเจอปัญหาน้ำนมไม่เพียงพอจะเป็นเพราะพ่อเด็กดูดไปหมดหรือเปล่า อันนี้ต้องสืบเอาเองแต่ถ้าน้ำนมไม่พอหรือไหลไม่สม่ำเสมอ ให้หาหัวปลีมาแกงกินทุกวันประมาณ 10 วันหรือเอาเม็ดขนุนมาต้มกินเล่นเป็นอาหารว่าง กินสัก 10 วันน้ำนมจะไหลสม่ำเสมอเลยล่ะ

อาหารเป็นยา


อาหารเป็นยา (สมุนไพรรักษาโรค)
1.น้ำสับปะรดปั่นกับใบโหระพาหรือใบตำลึง(กินใบโหระพาวันละ 7 ยอด เป็นยาอายุวัฒนะ)
เครื่องปรุง
  • สับปะรด 1 หัว
  • ใบโหระพา 1 ขีด

วิธีทำ 
  • ปอกเปลือกสับปะรด ปั่นผสมกับใบโหระพาแล้วกรองเอาแต่น้ำมาดื่ม

สรรพคุณ 
  • ลดลมในตัว
  • แก้อาการเลือดข้น
  • ทำให้เลือดเลี้ยงสมองส่วนหน้าได้ดีขึ้น
  • ลดความดันโลหิตสูง
  • บำรุงหัวใจ
  • เพิ่มเม็ดเลือดแดง ถ้าใช้ทั้งแกนสับปะรดจะช่วยเพิ่มเม็ดโลหิตขาวด้วย
  • ลดอนุมูลอิสระ

2.เห็ดสามอย่าง(เห็ดหอม+ เห็ดหูหนูขาว+เห็ดหูหนูดำ+ผลมะตูมแห้ง+ใบเตย)
เครื่องปรุง
  • เห็ดหอม+ เห็ดหูหนูขาว+เห็ดหูหนูดำ(แห้ง) หรือเห็ดฟาง+เห็ดนางฟ้า+เห็ดเป๋าฮื้อ(สด)

วิธีทำ
  • นำเห็ดสามอย่างมาแช่น้ำให้นิ่ม แล้วหั่นนำไปต้มรวมกันหรือนำเห็ดสดสามอย่างล้างแล้วหั่นต้มรวมกัน ใส่น้ำเยอะๆนำมะตูมแว่นมาปิ้งให้หอมแล้วต้มรวมกัน ดื่มแทนน้ำ ซุบได้ส่วนเนื้อเห็ดนำไปผัดหรือยำ

สรรพคุณ 
เป็นอาหารบำรุงตับ (มันฝรั่งต้มหรือนึ่งช่วยบำรุงตับ) ตับไม่แข็งแรงจะมีผลดังนี้
  • อารมณ์ไม่ดี
  • การสร้างเม็ดเลือดแดงจะไม่ดี
  • ตัวผอมแต่พุงป่องเนื่องจากตับมีปัญหา
  • ช่วยล้างสารพิษตกค้างในตับ ช่วยล้างใขมันในตับ
  • สลายพังผืดในมดลูก
  • ลดอนุมูลอิสระ ลดเซลล์มะเร็ง
  • เพิ่มเม็ดโลหิตขาว ลดไขมันในเส้นเลือด

หมายเหตุ 
เห็ดอาจเป็น เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดโคน เห็ดหอม เห็ดหูหนูขาว เห็ดหูหนูดำ ฯลฯ เอาแค่สามอย่าง อาจนำมาทำอาหารเช่นยำ ต้ม
3.น้ำกระชายปั่นกับน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาว
เครื่องปรุง
  • กระชาย 1 ขีด
  • น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
  • มะนาว 2 ลูก

วิธีทำ
  • กระชายล้างน้ำให้สะอาดปั่นให้ละเอียด เติมน้ำสะอาดลงไป 2 แก้ว กรองเอาแต่น้ำ ใส่น้ำผึ้งและน้ำมะนาวลงไปผสมปรุงรสตามใจชอบดื่มได้เลย

สรรพคุณ 
  • บำรุงกระดูก
  • บำรุงสมองเพราะทำให้เลือดเลี้ยงสมองส่วนกลางได้ดีขึ้น
  • ปรับสมดุลของฮอร์โมน
  • ปรับสมดุลของความดันโลหิต(ความดันโลหิตที่สูงจะลดลงความดันโลหิตที่ต่ำจะ สูงขึ้น)
  • แก้โรคไต ทำให้ไตทำงานดีขึ้น
  • ป้องกันไทรอยด์เป็นพิษ
  • บำรุงมดลูก
  • แก้ปัญหาผมหงอก ผมร่วง
  • อาการกระเพาะปัสสวะเกร็ง (กรณีนี้อาจใช้เม็ดบัวต้มกิน)
  • ควบคุมไม่ให้ต่อมลูกหมากโต
  • แก้ปัญหาไส้เลื่อน

4.กระเจี๊ยบแดงสด+พุทราจีน
เครื่องปรุง 
  • กระเจี๊ยบแดง 1 ขีด
  • พุทราจีนแห้ง 2 ขีด
  • น้ำตาลทรายเล็กน้อยหรืไม่ใส่ก็ได้

วิธีทำ
  • ล้างกระเจี๊ยบให้สะอาดใส่ในหม้อใบใหญ่ใส่น้ำประมาณสี่ลิตรล้างพุทราจีนให้สะอาดบีบให้แตกใส่ลงไป ต้มเคี่ยวให้เดือด ประมาณครึ่งชั่วโมงยกลงใช้น้ำดื่มแทนหรือถ้าชอบหวานก็เติมน้ำตาล

สรรพคุณ 
  • ช่วยลดอาการหัวใจโต (หัวใจโตมาจากปัญหามาจากเยื้อหุ้มหัวใจ)หัวใจโตเพราะในเลือดมีโซเดียมฟอสเฟตน้อย แต่มีโปรแตสเซียมฟอสเฟตมากให้งดกินผลไม้สดทุกชนิดกินได้เพราะผลไม้ดอง ผลไม้แช่น้ำผึ้ง ไม่กินอาหารที่ผัดหรือทอดด้วยน้ำมันพืช
  • ป้องกันเส้นเลือดในสมองเปราะ
  • ลดความดันโลหิตสูง
  • ลดไขมันในส้นเลือดซึ่งจะทำให้หลอดเลือดตีบ
  • แก้อาการสมองเสื่อม
  • ชาปลายนิ้ว

5.โยเกิร์ต+นมสด+น้ำมะนาว+น้ำผึ้ง
เครื่องปรุง 
  • โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย
  • นมสด 1 กล่อง
  • น้ำมะนาว 1 ลูก
  • น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
  • นำเครื่องปรุงทั้งหมดผสมให้เข้ากันชิมรสตามใจชอบ

สรรพคุณ 
ไขมันที่เกาะผนังลำไส้ กระเพาะอาหาร ตับ ม้าม ทำให้ระบบดูดซึมบกพร่องเป็น ต้นเหตุของปัญหาเหล่านี้คือ
  • ถุงน้ำดี เมื่อถุงน้ำดีข้น ผลที่ตามมาได้แก่ นอนไม่หลับ(ไขมันเกาะผนังลำไส้เล้กมาก) อารมณ์ฉุนเฉียว ถ้าเข็มถึง 80 % จะเป็นนิ่วในไต เหงือกปวม(การนอนหลับไม่เต็มอิ่มทำให้เหงือกบวมได้) สายตาเสื่อม ทำให้ปวดเมื่อยตามร่างกาย ส่งผลกระทบไปถึงปอด
  • เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้มึนศีรษะ
  • ไตจะเสื่อมเพราะต้องทำงานหนักเมื่อไตเสื่อมเป็นผลให้ความ จำลดลงไตซ้ายผิดปรกติ ความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์สุนทรีย์ ความรักสวยรักงามจะลดลงและ เป็นคนขี้ร้อนไตขาวผิดปรกติ ความจำลดลง และเป็นขี้หนาว
  • เลือดเลี้ยงหัวใจน้อย ถ้าเลือดเลี้ยงหัวใจเหลือเพียง 30% เครื่องมือแพทย์จะตรวจพบอาการของโรคหัวใจ
  • ม้ามชื้น ทำให้อาหารและน้ำที่กินเข้าไปแปรสภาพเป็นไขมันเป็นผลให้อ้วนง่าย
  • ม้ามโต ทำให้เหนื่อยง่ายเพราะม้ามไปเบียดปอด คนม้ามโตกินอาหารเท่าไรก็จะไม่อ้วน(ม้ามเป็นตัวควบคุมเม็ดเลือดขาวและน้ำเหลือง)
  • กรณีไขมันเกาะลำไส้เล็กมากๆจะทำให้ลำไส้ไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีได้ดังนี้ จะเป็นหวัดในตอนเช้าหรือหวัดเรื้อรัง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดโรคภูมิแพ้
  • ไขมันในตับสูง การสร้างเม็ดเลือดจะลำบาก

หมายเหตุ 
โยเกิร์ต+นมสด+น้ำมะนาว+น้ำผึ้งนี้ ถ้ากินช่วงเช้าจะช่วยลดความอ้วน แต่ถ้ากินช่วงบ่ายจะเพิ่มความอ้วน(หลังบ่ายสามโมง)
6.ถั่วห้าสี
เครื่องปรุง
  • ถั่วดำ1ขีด
  • ถั่วเขียว 1 ขีด
  • ถั่วขาว 1 ขีด
  • ถั่วแดง 1 ขีด
  • ถั่วเหลือง 1 ขีด

นำไปคั่วให้สุกก่อนแล้วแช่น้ำรวมกัน ล้างให้สะอาด พักไว้
ลูกเดือย 1 ขีด ล้างให้สะอาดแล้วต้มให้สุกพักไว้
เม็ดบัว1 ขีด ล้างให้สะอาดแล้วต้มให้สุกพักไว้
รากบัว 1 ขีด ปอกเปลือกล้างแล้วต้มให้สุกพักไว้
วิธีทำ 
นำเครื่องปรุงทั้งหมดรวมกัน แล้วปั่นให้ละเอียด ต้มในหม้อใบใหญ่ใส่น้ำมากๆ กรองเอากากออกนำน้ำที่ได้ไปต้มให้เดือด เติมน้ำตาลเล้กน้อย หรือจะไม่ไส่ก็ได้ รับประทานได้เลย
สรรพคุณ 
บำรุงกระดูก บำรุงเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ ช่วยลดน้ำหนัก ผิวพรรณสดใส
เล่าให้ฟัง
เมื่อวันที่28/4/2547 ดิแนได้ไปหาอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา ตรวจสุขภาพ (โดยไม่ต้องเจาะเลือด ไม่ต้องอดอาหาร )
ที่บ้านสวนไผ่สุขภาพศูนย์อาหารมังสวิรัติ เยื้องซอยอารีย์ สนามเป้า ถนนพหลโยธิน
อาจารย์สุทธิวัสส์ ใช้ลูกดิ่ง pendulum ตรวจที่ปลายนิ้วมือดูทั้งสองข้างแล้วบอกว่า เลือดไปเลี้ยงส่วนหน้าไม่พอ
(เพียง 70%เท่านั้น)ดิฉันงงมาก เพราะเมื่อวันที่ 31/12/2546 ในตอนเช้าดิฉันรู้สึกมีอากานเวียนหัว หน้ามืด
บ้านหมุนอย่างรุนแรงล้มคว่ำลงไป จึงไปให้หมอตรวจหมอว่าน้ำในหูไม่เท่ากัน
อีกเรื่องหนึ่งคือ อาจารย์บอกว่า ดิฉันว่ากระดูกคอและกระดูกหลังข้อที่ 8/9/10 ก็เคลื่อน ดิฉันก็เลยยิ่งงงไปใหญ่เพราะตอนที่ดิฉันมีอาการนั้น ก็ได้ไป เอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯมาแล้ว หมอที่นั้นบอกว่ากระดูกคอและหลังเคลื่อน
แล้วกระดูกยังบางอีกด้วยต้องทำกายภาพบำบัดอยุ่เป็นเดือน อาจารย์ตรวจได้แม่นยำมากจริงๆค่ะ
จากการตรวจวันนี้ อ.สุทธิวัสส์ ได้การุณาให้ทาน โยเกริร์ต+นมสด+น้ำผึ้ง+น้ำมะนาว ทุกวันในตอนเช้า
เพื่อช่วยเรื่องน้ำในหูไม่เท่ากัน และให้ดื่มน้ำกระชาย+น้ำผึ้ง+น้ำมะนาว เพื่อบำรุงกระดูกให้หนาแน่นขึ้นอาการปวดหลังก็หายเรื่องน้ำในหูก็ดีขึ้น ไม่มีอาการอีกเลย
ต้องขอขอบพระคุณอ.สุทธิวัสส์ เป็นอย่างสูงที่การุณาบอกสูตรเด็ด อาหารเป้นยาสมกับเป็นผู้เชี่ยวชายเรื่องธรรมชาติบำบัด จริงๆ ขอขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ. (นวลฉวี ทรรพนันทน์)
สูตรเด็ด ( อ.สุทธิวัสส์ คำภา)
1.สับประรดปั่นกับใบโหระพา ปั่นสด กรอง
  • เพิ่มเม็ดเลือดแดง และเม็ดเลือดขาว ทำให้สุขภาพแข็งแรง

2.น้ำกระชาย (จะใส่โหระพาด้วยก็ได้) ปั่นกรอง
  • ปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศทั้งหญิงและชาย
  • บำรุงกระดูก บำรุงผมผมจะดำ แก้ต่อมลูกหมากโต
  • ปรับความดันโลหิต

3.กระเจี๊ยบ+พุทราจีน ต้ม ดื่ม
  • ลดไขมันในเลือด ทำให้หลอดเดือดแข็งแรง ไม่แตกง่าย ลดหินปูน

4.น้ำเห็ด สามอย่าง (เห็ดอะไรก็ได้) ต้มรวมกัน
  • ล้างพิษในตับ ต้านมะเร็ง
  • ลดการเกิดเนื้องอกของอวัยวะภายใน
  • ลดไขมันในตับ และในเลือด

5.มะละกอดิบ (ห่าม)+ใบหม่อน ต้ม
  • ล้างใขมันที่เคลือบในลำไส้ ช่วยการดูดซึมดีขึ้น

6.รากเตยหอม+มะตูม
  • ฟื้นฟูตับอ่อนให้แข็งแรง

7.ถั่ว 5 สี +ลูกเดือย+เม็ดบัว+รากบัว+มันเทศ ต้มปั่น
  • ผิวจะสวยบำรุงกระดูก เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ ลดน้ำหนัก

8.ขมิ้นชัน ขูดเปลือกทิ้ง หั่นชงชา
  • แก้ไอขับเสมหะ

9.บอระเพ็ด ต้ม 1 เกียก น้ำผึ้งผสมมะนาว 
  • นิ่วในถุงน้ำดี

10.ใบมะยมต้มในน้ำเห็ด 3 อย่าง
  • เบาหวานปวดข้อ

11.ใบบัวบก+กระชาย 3 ราก +น้ำ 1 แก้ว ปั่นกรอง
  • เอามา 2 ช้อนโต๊ะ เจือจางดื่ม ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น ไม่หลงลืม ต้านสมองฝอ

12.กระเจี๊ยบเขียว 7 กำมือ ต้มกินให้หมดใน 2-3 วัน
  • ขับตัวจี๊ด

13.ดอกอัญชัน กินสด ต้มน้ำ
  • ป้องกันมะเร็งและเนื้องอก
  • ฟื้นฟูระบบหัวใจ ตับ ปอด ม้าม
  • ดูแลระบบน้ำเหลือง

14.รางจืด
  • ลดสารพิษในตับ
  • ผสมน้ำซาวขาว จะถอนพิษนิโคติน(สำหรับคนจะอดบุหรี่)

15.ดอกปีบ
  • บำรุงปอด ถุงลม หอบหืด

16.รากหญ้าคา+เก๋ากี๊+เก็กฮวย+ต้มดื่ม
  • แก้นอนไม่หลับ

17.กระเทียม
  • โรคหัวใจ และหลอดเลือด สมอง

18.กินกล้วยวันละ 1-2 ผล 
  • จะช่วยลดความเครียด ลดความดัน เคลือบกระเพาะ และโรคหัวใจ

ที่มา : หนังสือนาฬิกาชีวิต

น้ำยาเร่งราก ทำเอง


น้ำยาเร่งราก ทำเอง ประหยัดค่าใช้จ่าย มีสูตรไม่มาก
- กะปิ ยี่ห้อใดก็ได้
- เครื่องดื่มชูกำลัง ยี่ห้อใดก็ได้
- น้ำเปล่า
- กะปิเพียวๆ เพียงปลายนิ้ว เอามาพอกตรงกิ่งตอนแล้วพอกซ้ำด้วยขุยมะพร้าวชุ่มน้ำ มัดให้แน่น เร่งรากได้
- เครื่องดื่มชูกำลัง ผสมน้ำอัตราส่ว
- กะปิ 1 เครื่องดื่มชูกำลัง 1 ผสมเข้ากัน ใช้เป็นหัวเชื้อ นำไปผสมกับน้ำอีกในอัตรา 1 ฝาต่อน้ำ 5 ลิตร หรือหัวเชื้อ 2 ฝา ต่อน้ำ 5 ลิตร ทำน้ำยาเร่งรากได้ดีมาก
น 1ต่อ5 แช่ขุยมะพร้าวสำหรับพอกกิ่งตอนให้ชุ่ม เร่งรากได้ดี
นำน้ำที่ผสมฉีดพ่นกล้วยไม้ เร่งรากได้ดี แช่กิ่งชำ หน่อสำหรับเพาะ เร่งรากได้ดี ข้อมูลเพิ่มเติม ที่ http://goo.gl/bBKiZI / ติดตามเพจhttps://www.facebook.com/kasetorganic

การทำสาวให้มะละกอ


การทำสาวให้มะละกอ ให้ออกผลได้ต่อเนื่อง :
สำหรับการทำสาวมะละกอที่ว่านี้ แนะนำให้ทำหลังจากที่เราได้เก็บผลผลิต มะละกอ รุ่นแรกไปแล้ว คือการตัดต้นมะละกอให้เหลือไว้สัก 2-3 ใบก็พอ แล้วบำรุงต้นเพื่อเลี้ยงยอดใหม่ ประมาณสองเดือนหลังจากนี้ยอดมะละกอที่แตกใหม่ก็จะเริ่มออกดอกและติดผลตรงตามสายพันธุ์เดิมที่เราปลูก และจะสามารถเก็บผลผลิตได้ในราว ๆ เดือนที่ 4 หลังจากตัดต้นแล้ว และในการทำสาวให้กับ “มะละกอ” เพื่อจะให้มีการแตกยอดใหม่ที่ดีนั้น ควรทำในช่วงฤดูฝนหลังจากตัดต้นมะละกอเสร็จแล้ว และเทคนิคที่ไม่ควรลืมอีกอย่างหนึ่งก็คือหลังจากตัดต้นมะละกอเพื่อทำสาวเสร็จแล้ว เราต้องหมั่นบำรุงต้นด้วยการใส่ปุ๋ยคอกเก่า และปุ๋ยหมักร่วมกับปุ๋ยสูตร 15-15-15 (ได้ผลเร็ว อัตรา 3:1 ส่วน) ด้วย และที่สำคัญต้องมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอด้วย

การเลี้ยงกุ้งฝอยในบ่อพลาสติก


การเลี้ยงกุ้งฝอยในบ่อพลาสติก อาชีพเสริมที่น่าสนใจ 2 เดือนก็จับขายได้
วันนี้เราจึงจะมานำเสนอ วิธีการเลี้ยงกุ้งฝอยในบ่อพลาสติก เป็นความคิดสร้างสรรค์ของคุณจันทร์ ชัยภา ประธานศูนย์เรียนรู้เครือข่ายการเลี้ยงสัตว์อินทรีย์ อ.สีคิ้ว ซึ่งท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเลี้ยงสัตว์อินทรีย์ นี่จึงเป็นวิธีการเลี้ยงกุ้งฝอยที่น่าสนใจ สามารถนำไปใช้เลี้ยงเพื่อบริโภคในครอบครัวและเลี้ยงเพื่อจำหน่ายเป็นรายได้เสริมก็ได้
ในส่วนของขั้นตอนการเลี้ยงกุ้งฝอยในบ่อพลาสติกนั้น มีวิธีการดังนี้
เตรียมบ่อสำหรับเลี้ยงกุ้ง
1. ให้ทำการขุดบ่อขนาด กว้าง 2 เมตร ยาว 8 เมตร และลึก 70 เซนติเมตร (จะขุดดินหรือว่าก่อปูนขึ้นมาก้ได้น่ะครับแลวแต่สะดวก)
2. นำเอาพลาสติกสีดำมาปูก้อนบ่อแล้วนำดินมาเทถมให้ทั่วก้นบ่อบนพลาสติกประมาณ 7-8 เซนติเมตร ตามภาพ
3. เติมน้ำลงไปให้เต็มบ่อพอดี ากนั้นให้พักทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน
4. ต่อมาให้นำสาหร่าย ผักตบชวา หญ้าขน ที่หาได้ตามธรรมชาติ มาทิ้งไว้ในบ่อเป็นฟ่อนๆ ราว 4-5 ฟ่อน
ปล่อยกุ้งฝอยลงในบ่อ
1. ให้รวบรวมกุ้งฝอยจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติประมาณ 5 ขีด หากได้ตัวเมียเยอะๆ จะดีมาก สังเกตุได้จากไข่สีเขียวๆ ที่อยู่ใต้ท้อง
2. ปล่อยกุ้งฝอยลงไปในบ่อโดยช่วง 7 วันแรกไม่ต้องให้อาหารเพื่อให้กุ้งนั้นปรับสภาพในบ่อ
สูตรวิธีการช่วยดับกลิ่นฆ่าเชื้อโรคในบ่อ และให้กุ้งฝอยโตเร็ว
ใช้ EM 2 ช้อนแกง ,กากน้ำตาล 2 ช้อนแกง,น้ำ 1 ลิตร มาผสมให้เข้ากันแล้วหมักไว้ในที่ร่ม 1 อาทิตย์
อัตราส่วนในการใช้ : อีเอ็ม 1 ลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ใส่บัวรดน้ำราดให้ทั่วบ่อ จะใช้หลังจากที่เติมน้ำลงไปก่อนปล่อยกุ้งฝอย จะช่วยดับกลิ่นฆ่าเชื้อโรคในบ่อ กุ้งฝอยโตเร็ว
อาหารกุ้งฝอย และการให้อาหารกุ้งฝอย
นำเอาไข่แดงที่ต้มสุกแล้วเน้นว่าเฉพาะไข่แดง จำนวน 2 ฟอง ผสมกับรำอ่อน 3 ขีด คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นให้ทำการปั้นเป็นก้อนๆ เท่ากำปั้นโยนลงไปในบ่อ ประมาณ 3 ก้อน ทุกๆ วัน หลังจากนั้น 1 เดือนกุ้งฝอยของเราจะเริ่มวางไข่ ให้สังเกตดูตอนกลางคืนโดยนำไฟฉายมาส่องดูว่ากุ้งจะวางไข่หรือไม่
ในส่วนของเทคนิคในการเร่งให้กุ้งฝอยวางไข่นั้น สามารถทำได้โดยการนำเอาสายยางมาเปิดน้ำประปาลงบ่อ ให้เปิดน้ำแรงๆ ทิ้งไว้ซัก 10-20 นาที กุ้งฝอยนั้นชอบเล่นน้ำไหล และจะดีดตัวทำให้ไข่ตกลงมา ซึ่งตามธรรมชาตินั้นกุ้งจะไม่วางไข่ถ้าน้ำนิ่ง เลี้ยงต่อไปราวๆ 1-2 เดือน กุ้งจะโตเต็มที่ และสามารถจับขายได้ แต่ถ้านับเวลาเตรียมบ่อตั้งแต่ช่วงแรกนั้นจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน
จากการเลี้ยงในบ่อตามขนาดที่คุณจันทร์ ชัยภา แนะนำนั้นจะได้กุ้งฝอยทั้งหมดประมาณ 20-30 กิโลกรัม ต่อบ่อ ซึ่งจะขายได้ในราคา 100 ถึง 200 บาทต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว แถวตลาดทำเป็นกอง กองละ 20 บาท ไม่ถึงขีดด้วยซ้ำ รับรองว่ากำไรดี คิดเล่นๆ หากได้กิโลกรัมละ 200 บาท บ่อหนึ่งได้กุ้ง 30 กิโลกรัม จะเป็นเงิน 6,000 บาท ต่อบ่อเลยทีเดียว ซึ่งถ้าไปดูต้นทุนกับอาหารแล้วถือว่าคุมมาก เราสามารถเลี้ยงได้พร้อมกันหลายๆ บ่อเพื่อให้จับกุ้งขายได้ตลอดก็ได้ และยิ่งถ้ามีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์กุ้งแล้ว และเข้าใจวิธีการต่างๆ หากเลี้ยงจริงๆ จะมีประสบการณ์ คิดว่าน่าจะสร้างรายได้อย่างงามให้กับคนที่สนใจแน่นอน แค่เอาใส่ตะกร้าไปเร่ขายในหมู่บ้านก็หมดแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก : rakbankerd ภาพจาก : kasetporpeang.com,rakbankerd.com,farmthailand.com
http://www.siam55.com/news30847.html

ปลูกแก้วมังกรในกระถาง


ปลูกแก้วมังกรในกระถาง เหมาะสำหรับผู้มีพื้นที่น้อย :
วัสดุ - อุปกรณ์ :
  • ท่อน้ำทิ้งข้างในกลวงหน้ากว้าง4นิ้วยาว1.3เมตร(หรือเสาไม้ก็ได้)
  • กระถางหน้ากว้าง 50 ซ.ม.
  • ค้างด้านบนอาจทำจากไม้หรือปูนเป็นรูป4เหลี่ยมจัตุรัสกว้าง x ยาว 30 ซ.ม
  • ขุยมะพร้าว
  • ดิน
  • เชือกฟาง

วิธีการปลูก
  1. ใส่ขุยมะพร้าวรองก้นกระถางเพื่อให้น้ำถ่ายเทได้ดีในอัตราส่วน1ใน3ของปริมาตรกระถางจากนั้นนำดินสำเร็จรูปผสมกับขุยมะพร้าวหรือแกลบดำใส่ลงไปในกระถางจนถึงขอบกระถาง
  2. นำต้นแก้วมังกรมาปลูกให้ชิดกับเสาแล้วใช้เชือกฟางมัดต้นแก้วมังกรให้ติดกับเสาไม่ต้อง(มัดให้แน่นมากควรผูกไว้จนกว่าต้นแก้วมังกรจะเจริญเติบโตจนพ้นหัวเสา
  3. จากนั้นนำดินมากลบด้านบนของกระถางเป็นอันเสร็จ**ต้นแก้วมังกรเป็นสามเหลี่ยมแต่จะมีอยู่ด้านหนึ่งที่เป็นด้านแบนดังนั้นเวลาผูกต้นแก้วมังกรให้จับด้านแบนของต้นเข้ากับหลักเพราะว่าด้านแบนเป็นด้านที่จะออกราก

การดูแลแก้วมังกรในกระถาง
  1. การรดน้ำให้รดน้ำเพียง1ครั้งภายใน 2-3 วันและไม่ควรรดมากเกินไปเพราะอาจทำให้เป็นโรคโคนเน่าได้
  2. การให้ปุ๋ยใส่ปุ๋ยทุก 15 วันใส่ครั้งละ 2-4 ช้อนโต๊ะสูตรที่ใช้ 15-15-15 หรือ 16-16-16 หลังจากใส่ปุ๋ยแล้วต้องรดน้ำติดต่อกันเป็นเวลา3วัน(วันละครั้งเช้าหรือเย็นก็ได้)ถ้ามีปุ๋ยคอกเช่นมูลไก่หรือมูลวัวก็ใช้ได้และให้ใส่เดือนละ 1 ครั้ง เมื่อปลูกได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24 ผสมกับ 15-15-15 ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง

ผลผลิต : 
เมื่อแก้วมังกรอายุได้8เดือน-1ปี ก็จะเริ่มให้ผลผลิตประมาณ 30 ผลต่อหนึ่งค้าง ปีที่ 2 ประมาณ 50 ผลต่อหนึ่งค้างปีที่ 3 ประมาณ 100-200ผลต่อหนึ่งค้าง ปีที่ 4-15 ประมาณ 300 ผลต่อหนึ่งค้างขึ้นไป ขนาดของผลโดยเฉลี่ยประมาณ 3-4 ผลต่อหนึ่งกิโลกรัม
ท่านใดอยู่ใกล้ปทุมธานี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณสุทธิศักดิ์ บุณยาคุมานนท์ ที่อยู่ : 14/1 หมู่ที่3 ตำบลบึงบา อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี ถ้าอยู่ใกล้เชียงใหม่ เยอะแยะเลยครับ แถวอำเภอแม่ริม ถนนแม่ริม - สะเมิง เปิดให้ชมด้วย ทั้งที่ปลูกเป็นสวนและในกระถาง

อ่างเก็บน้ำบางพระ


ชมนกชมไม้ สูดอากาศบริสิทธิ์ บนถนนสายโรแมนติก
สีม่วงอ่อนสลับขาวของต้นตะแบกบาน อวดเสน่ห์อยู่ริมทางตลอดระยะทางกว่า 1 กม. บนถนนสโลปขึ้นลงสวยงามเลียบอ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี.....จนกลายเป็นแลนค์มาร์คแห่งใหม่ ที่นักท่องเที่ยวต่างฮือฮากับความโรแมนติก และบรรยากาศสบายๆ เหมาะกับการมาสูดอากาศบริสุทธิ์ เดินชมนกชมไม้ หรือปั่นจักรยานดื่มด่ำทิวทัศน์ พร้อมถ่ายภาพสวยๆ อัพขึ้นโลกโซเวี่ยล ถ้าจะมาแบบไม่ผิดนัดกับต้นตะแบกบาน ต้องมาในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ซึ่งดอกจะบานสะพรั่งเต็มที่

สถาปัตยกรรมบนยอดเขาปักธงชัย


ศรัทธาเสียดฟ้า ที่สุดแห่งความยิ่งใหญ่
ตะลึง! กับความวิจิตรของสถาปัตยกรรมบนยอดเขาปักธงชัย จ. ประจวบคีรีขันธ์ ที่ตั้งของวัดทางสาย สถานที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวทะเลไว้มากมาย.......อาทิ พระพุทธกิติสิริชัย (หลวงพ่อใหญ่) พระมหาเจดีย์ ๙ ยอด และตำหนักกรมหลวงชุมพรอุดมศักดิ์ ที่ชาวบางสะพานต่างเลื่อมใส และอย่าพลาดดื่มด่ำความงดงามของวิวน้ำทะเลใสๆ ขายหาดบ้านกรูด ที่สามารถมองเห็นเวิ้งอ่าวและทิวมะพร้าวได้ไกลสุดสายตา

ดอยม่อนจอง


ย่ำดินแดนสีทอง มองวิวสุดอลังการ
แม้จะต้องบากบั่นปีนป่ายภูเขา นั่งรถโฟร์วีลตะลุยหนทางแสนลำบาก แต่สิ่งที่ได้รับเมื่อไปถึงยอดดอยม่อนจอง จ.เชียงใหม่......กลับคุ้มค่า เพราะเบื้องหน้าคือ ทิวทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ของขุนเขาสลับซับซ้อน ไฮไลท์อยู่ที่ช่วงฟดูหนา่ว ทุ่งหญ้าที่เรายืนทั้งผืนจะเปลี่ยนเป็นสีทองตระการตา โดยเฉพาะยามแสงตกกระทบช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและลับขอบฟ้า กลายเป็นภาพในฝันที่หลายคนอยากบันทึกไว้สักครั้งในชีวิต

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อันดามัน



ตื่นตาฝูงปลา ดุจมหาสมุทรระดับโลก
อันดามันถูกยกให้เป็นสวรรค์ทะเลใต้ แต่ช่วงฤดูฝนความงามอาจถูกลดทอนลง ทว่าอีกฟากฝั่งกลับได้เวลาเฉิดฉายนั่นคือท้องทะเลอ่าวไทย.......ซึ่งความอลังการของโลกใต้น้ำสุดยอดไม่แพ้กัน ตั้งแต่ทะเลชุมพร เกาะง่าม เกาะเต่า เกาะนางยวน เกาะสมุยฯ โดยมีฝูงปลาใหญ่คอยต้อนรับ ไม่ว่าจะเป็นปลาข้างเหลือง ปลาสาก ฉลามวาฬไซส์พี่บิ๊ก ปะการัง ดอกไม้ทะเล และไฮไลท์อย่างเรือหลวงปราบ ที่ดำดิ่งสงบนิ่งอย่างยิ่งใหญ่ใน
ก้นบึ้งท้องทะเล

อุโมงรถไฟแห่งรัก


อุโมงรถไฟแห่งรัก ฉบับ ร.ฟ.ท.
ดูเผินๆ คงนึกว่าเป็น Tunnel of Love ในประเทศยูเครน แต่พอเห็นตัวอักษร ร.ฟ.ท. ยิ่งประหลาดใจ! นี่ไม่ใช่ภาพตัดต่อแต่คือ....... เส้นทางรถไฟในเมืองไทยของจริง แถมยังอยู่ในกรุงเทพ อีกต่างหาก และถูกแชร์จนเกิดกระแสโลกโซเซี่ยลมากมาย เป็นพื้นที่บริเวณเส้นทางมักกะสัน-แม่น้ำ-โรงกลั่นบางจาก ช่วงทางตัดถนน ณ ระนอง-ทางตัดเข้าท่าเรือคลองเตย ใต้ทางด่วนเฉลิมมหานคร ช่วงต่างระดับคลองเตย จนถึงทางลงท่าเรือ มีต้นไม้ขึ้นรกครึ้มคล้ายอุโมงค์ใหญ่ ไฮไลท์อยู่ช่วงฤดูฝน ที่ความเขียวชะอุ่มจะออกมาอวดโฉมอย่างงดงาม

แจ่วฮ้อน


สูตรทำ แจ่วฮ้อน
ส่วนผสมน้ำซุปสำหรับแจ่วฮ้อน
  • น้ำต้มกระดูกหมู หรือต้มซี่โครงหมู 1 ถ้วยตวง
  • ข่าซอยละเอียด 1 หัว
  • ตะไคร้ทุบหั่นเป็นท่อนเล็ก ๆ 2 ต้น
  • รากผักชีทุบ 1 ราก
  • ใบมะกรูดซอย 3 ใบ
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
  • ใบผักชีฝรั่งซอย 3 ใบ
  • ต้นหอมหั่น 5 ต้น
  • น้ำปลา 1 ทัพพี
  • น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 1 หม้อ

ส่วนผสมสำหรับทำน้ำจิ้ม
  • พริกป่น 1ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวคั่ว 1-2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าเพิ่มน้ำมะนาวไปด้วยจะหอมแซ่บ)
  • น้ำตาลตามชอบ
  • ผักจะใส่ไม่ใส่ก็ได้ในน้ำจิ้ม
  • ผักหอมเปซอย 3 ใบ
  • ใบมะกรูดซอย 1 ใบ
  • กระเทียมสับละเอียด 2 กลีบ
  • หอมแดงสับละเอียด 1 หัว
  • ตะไคร้หั่นฝอยละเอียด 1 ต้น

วิธีทำน้ำจิ้มแจ่วฮ้อน
  1. นำเครื่องปรุงมาผสมรวมกันในถ้วยโดยใส่ข้าวคั่วเป็นลำดับสุดท้ายแล้วคนให้ทั่ว ก็จะได้น้ำจิ้มแจ่วฮ้อนพร้อมรับประทาน

วิธีการทำแจ่วฮ้อน
  1. 1. สำหรับเนื้อ หมู เนื้อวัว ให้เตรียมไว้ตามชอบ และ ใบโหระพา ใบชะพลู ผักชีฝรั่งหรืออีสานเรียกผักหอมเป ได้สามผักนี้จะกลิ่นหอมแรงสมเป็นแจ่วฮ้อน
  2. ****ผักเสริม ผักกาดขาว ผักบุ้ง และผักอื่น ๆ วุ้นเส้น พวกนี้เป็นของแถมจะมีหรือไม่มีก็ได้ ตับ และเนื้อหมูได้สันใน เนื้อ หรือเนื้อวัว

****เคล็ดลับง่ายๆในการหั่นเนื้อวัวให้หั่นตามลายเนื้อวัว อย่าหั่นขวางลาย เพราะจะทำให้เนื้อเหนียวเกินไป แต่ถ้าหั่นตามลายเนื้อหัวจะไม่เหนียวและนุ่มกำลังดี
การทำน้ำซุป
  1. ต้มน้ำเปล่า 1 หม้อที่เตรียมไว้ให้เดือดๆ แล้วนำกระดูกหมูหรือซี่โครงใส่ลงไป จากนั้นรอให้สุกจึงใส่ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอม รากผักชี พอผักเริ่มเปื่อยปรุงรสด้วย เกลือ น้ำปลา น้ำตาล เคี่ยวให้เข้ากัน ถ้าหากต้องการความเข้นข้นให้ใส่เลือดหมู หรือเลือดวัวใส่ลงไปเหมือนก๋วยเตี๋ยวน้ำตกที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวทำ คนให้ทั่วจนเลือดสุก


ไส้อ่อนทอดกระเทียม


ไส้อ่อนทอดกระเทียม
ส่วนผสม
  • ไส้อ่อน 500 กรัม
  • กระเทียม ยิ่งเยอะยิ่งอร่อยค่ะ
  • น้ำปลา 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  • พริกไทยป่น 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งข้าวเจ้า 1 ½ ช้อนโต๊ะ 
  • น้ำมันไว้สำหรับทอด

วิธีทำ
  1. ไส้อ่อน นำไส้อ่อนที่ซื้อมา ล้างให้สะอาด เสร็จแล้วนำไปต้ม โดยต้มน้ำให้เดือดพล่าน แล้วเอาใส้อ่อนที่เราล้างไว้ลงไปต้มนะคะ และตอนต้มใส่เกลือลงไปด้วย ต้มประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วลองชิมดู ถ้ายังไม่พอใจอยากให้นิ่ม อีกก็ต้มไปเรื่อย ถ้าน้ำแห้งก็ใส่น้ำเพิ่มลงไปเลยค่ะ เกลือไม่ต้องแล้ว
  2. เมื่อต้มไส้อ่อนเสร็จแล้ว เทน้ำทิ้ง พักไว้ให้เย็นนะคะ ระหว่างรอ เรามาเตรียมกระเทียมกันนะคะ กระเทียมปอกเปลือกให้มีเปลือกเหลือติดอยู่บ้างนะคะ เสร็จแล้วนำไปตำ ไม่ต้องให้ละเอียดมาก เสร็จแล้วพักไว้
  3. เมื่อไส้อ่อนที่ต้มไว้เย็นแล้ว นำมาหั่นให้เป็นชิ้นพอดีคำ นำไปใส่อ่างผสม แล้วปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล ซีอิ๊วขาว พริกไทยป่น กระเทียมที่ตำเตรียมไว้ และคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 15 นาที นะคะ ตอนหมักอย่าลืมชิมรสชาตินะคะ ขาดเหลือรสชาติไหนเพิ่มเติมได้ค่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่ะ /////(ที่ลงไว้เป็นรสชาติของที่บ้านนะคะ)
  4. เมื่อหมักไส้ครบ 15 นาทีแล้ว น้ำแป้งข้าวเจ้ามาผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วเตรียมลงทอดเลยค่ะ
  5. ตั้งน้ำมันให้ร้อน นำไส้อ่อนที่ผสมแป้งแล้ว ลงทอด ต้องคอยคนด้วยนะคะ กระเทียมที่สุกก่อนตักขึ้นเลยค่ะ ทอดให้เหลืองกรอบ ก่อนตักขึ้นเร่งไฟแรงเลยนะคะ จะได้ไม่อมน้ำมัน เสร็จแล้วตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน จากนั้นจัดใส่จาน พร้อมรับประทานค่ะ จะทานเปล่าๆ หรือ ทานคู่กับซอสก็อร่อยค่ะ

ขาหมูทอดกรอบ‬


‪#‎ขาหมูทอดกรอบ‬ ร้านระเบียงแก้ว
อ.เมืองนครราชสีมา, 184/3 ถนนยมราช ต.ในเมือง จ.นครราชสีมา
ส่วนผสม
  • ขาหน้าหมู 1 ชิ้น
  • กระเทียมบด
  • เกลือ
  • พริกไทย 1 ถ้วย
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด
  • เครื่องปรุงน้ำจิ้ม
  • พริกขี้หนูสีแดงสับ 5-10 เม็ด
  • กระเทียมสับ 7-10 กลีบ
  • รากผักชี 2-3 ราก
  • น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลาอย่างดี 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาวคั้นสด 2-3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
  1. ล้างขาหมูแล้วต้มในน้ำเดือดจนสุก นำมาคลุกกับกระเทียม เกลือ และพริกไทยให้ทั่วตั้งพักไว้ให้เครื่องปรุงซึมเข้าเนื้อ
  2. ต่อจากนั้น นำมาทอดด้วยไฟแรงจนหนังกรอบ

ต้มยำซุปเปอร์


ต้มยำซุปเปอร์
  • ตีนไก่ ล้างสะอาด ตัดเล็กออก 1 กิโลกรัม
  • รากผักชี กระเทียม พริกไทย โขลกละเอียด รวมกันประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ข่าแก่หั่นแว่น 5 แว่น
  • ขิงแก่ หั่นแว่น 5 แว่น
  • ใบมะกรูด
  • เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ
  • เตรียม น้ำปลา มะนาว ผักชี พริกหนูทุบ ไว้ปรุงตอนตักเสริฟ

  1. นำตีนไก่ที่ทำความสะอาดเสร็จแล้ว นำไปใส่หม้อ เติมน้ำเปล่าสะอาดให้ท่วมตีนไก่พอประมาณ
  2. หรือกลัวไม่เปื่อยให้ต้มน้ำแรกทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงแล้วเทน้ำทิ้ง แล้วนำมาต้มกับน้ำซุปโครงไก่
  3. ใสรากผักชี กระเทียม พริกไทย ที่โขลกระเอียด ตามด้วย ใบมะกรูด ข่า และ ขิง ตั้งไฟกลางจนเดือด
  4. เคี่ยวไปเรื่อยๆ และคอยช้อนฟอง ต้มไปเรื่อยๆ 1 – 2 ชั่วโมง และคอยเช็ดว่าตีนไก่เปื่อยดีหรือยัง ถ้ายังไม่เปื่อยก็เคี่ยวต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเปื่อย
  5. เตรียม น้ำปลา มะนาว พริกขี้หนูทุบ ใส่ถ้วยที่จะเสริฟ ปริมาณตามความต้องการ อยากเผ็ด เปรี้ยว แค่ไหนก็ใส่ตามความชอบ โรยด้วยผักชี พร้อมเสริฟ

ข้าวหมกไก่อร่อยเด็ด


วิธีทำข้าวหมกไก่อร่อยเด็ด แบบง่ายๆ
เครื่องเทศข้าวหมกไก่
  • อบเชย (ใช้ยาวประมาณ 1 นิ้ว) 2 ชิ้น หรืออบเชยป่นก็ได้
  • กานพลู 6 ดอก
  • กระวาน 6 ลูก
  • เม็ดผักชีป่น 2 ช้อนชา
  • พริกไทย 1 ช้อนชา
  • พริกชี้ฟ้าแดงเม็ดใหญ่ (เอาเมล็ดด้านในออก) 2 เม็ด
  • กระเทียมซอย 3ช้อนโต๊ะ
  • ขมิ้น 1 ช้อนชา
  • ผงกะหรี่ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ยี่หร่าป่น 1 ช้อนชา
  • พริกป่น 1/2 ช้อนชา
  • เกลือป่น 2 ช้อนชา

เครื่องปรุงข้าวหมกไก่
  • ข้าวสารเก่า 3 ถ้วยตวง
  • สะโพกไก่ หรือน่องไก่ 1 กิโลกรัม (8 ชิ้น)
  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย (150 กรัม)
  • เนยจืด 60 กรัม
  • นมข้นจืด 4 ช้อนโต๊ะ
  • หอมแดงเจียว สำหรับโรยหน้า (ตามใจชอบ)
  • ผักชีเด็ดใบ สำหรับโรยหน้า
  • เครื่องเคียง เช่น แตงกวาหั่นแว่น ผักกาดหอม มะเขือเทศหั่นแว่น

วิธีทำ
  1. ล้างไก่ให้สะอาด สับเป็นชิ้นใหญ่ แล้วนำส้อมมาจิ้มชิ้นไก่ให้ทั่ว พักไว้
  2. เตรียมเครื่องเทศผงให้พร้อม ด้วยการนำ อบเชยป่น กานพลู กระวาน ลูกผักชีป่น และพริกไทย ลงไปคั่วในกระทะให้หอม จากนั้นนำไปโขลกจนละเอียด ตักใส่ถ้วยพักไว้ แล้วนำพริกชี้ฟ้าแดง (เอาเมล็ดด้านในออก) และกระเทียมซอยมาโขลกจนละเอียด ผสมกับเครื่องเทศที่โขลกไว้ จากนั้นใส่ พริกป่น เกลือ ขมิ้น ผงกะหรี่ และยี่หร่า คนให้เข้ากัน
  3. ผสมเครื่องปรุงหมักไก่ โดยการนำเครื่องเทศผง (จากข้อ 2) ตามด้วยโยเกิร์ต เนยจืด และนมจืด ผสมให้เข้ากันในชามผสม
  4. นำสะโพกไก่ น่องไก่ที่เตรียมไว้ ไปหมักกับเครื่องปรุง (จากข้อ 3) แล้วคลุกเคล้านวดขยำๆเบาๆ ให้เข้ากัน เพื่อให้เครื่องปรุงทั้งหมดซึมเข้าเนื้อไก่ จากนั้นหมักทิ้งไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือจะให้ดี…หมักแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ข้ามคืน…จะยิ่งทำให้เนื้อไก่นุ่มและหอม (เมื่อจะนำมาทำข้าวหมกไก่ ก็ให้เอาออกมาพักให้หายเย็นก่อน)
  5. เมื่อไก่หมักได้ที่แล้ว นำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่เนยจืดลงไปเล็กน้อย รอจนเนยละลาย ใส่สะโพกไก่ลงไป ทอดให้หนังไก่เริ่มตึงและเหลือง จากนั้นพลิกอีกด้าน ทอดจนเหลืองเช่นกัน ตักขึ้น พักไว้ (คือทอดไก่ให้เกือบสุกทั้งสองด้านเท่านั้น เพราะเดี๋ยวเราจะต้องนำไก่ทอดนี้ไปหมกในหม้อหุงข้างต่ออีก)
  6. ให้นำข้าวสารไปซาวน้ำและเทน้ำทิ้งให้หมด แล้วใส่ไก่ที่ทอดไว้แทรกระหว่างข้าว ใส่เครื่องหมักที่เหลือตามลงไป สุดท้ายใส่น้ำเปล่าลงไป กะให้พอดีกับข้าวที่หุงตามปกติด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้า กดสวิตช์หุงข้าวจนสุก…แล้วปล่อยให้ข้าวระอุอีกประมาณ 10 นาที
  7. ตักข้าวหมกไก่ใส่จาน โรยด้วยหอมเจียว ใบผักชี แล้ววางแตงกวาหั่น ต้นหอมไว้ข้างๆ เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มข้าวหมกไก่ (สำหรับเสิร์ฟรับประทานได้ 8 ที่)

เครื่องปรุงสำหรับน้ำจิ้มข้าวหมกไก่
  • ต้นหอม 8 ต้น
  • ผักชี 10-12 ต้น
  • ขิงแก่ 1 ถ้วย
  • พริกชี้ฟ้าเขียว 4 เม็ด (หรือใส่เพิ่มได้ตามใจชอบ)
  • กระเทียมกลีบ 20 เม็ด (ใส่หรือไม่ก็ได้ตามชอบ)
  • ใบสะระแหน่ 1 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1 1/3 ถ้วย
  • เกลือป่น 4 ช้อนชา
  • น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย
  • น้ำเปล่า 4 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำจิ้มข้าวหมกไก่
  1. อันดับแรกทำน้ำเชื่อมก่อนคือ นำน้ำตาลทราย เกลือ และน้ำเปล่าใส่ลงในหม้อ นำไปตั้งไฟปานกลาง คนเรื่อยๆ จนน้ำตาลละลาย ปิดเตา ยกลง พักไว้ก่อน
  2. ตัดรากต้นหอม ผักชี ปลอกเปลือกขิง และตัดขั้วพริกชี้ฟ้า ล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วนำทุกอย่างมาซอยหยาบๆ จากนั้นนำเครื่องที่ซอยไว้ใส่ลงในเครื่องปั่น แล้วปั่นเครื่องทั้งหมดให้ละเอียด
  3. จากนั้นให้ใส่น้ำส้มสายชูลงไปในน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้และคนให้เข้ากัน ใส่ตามด้วยผักที่ปั่นเตรียมไว้ลงไป แล้วคนให้ทั้งหมดเข้ากัน
แนะนำเพิ่มเติม
  1. หากเลือกใช้ข้าวหอมมะลิเก่าจะให้ความหอมนุ่ม ทำให้น่าทานมากยิ่งขึ้น สำหรับขมิ้น หากใช้เป็นขมิ้นแขกจะให้กลิ่นที่หอมและเนื้อข้าวหมกไก่จะมีสีเหลืองสวยกว่าใช้ขมิ้นไทย แต่ถ้าใช้ขมิ้นไทยสีจะออกไปทางเหลืองคล้ำนิดหน่อย จึงอาจจะทำให้ดูน่ารับประทานน้อยกว่า
  2. สำหรับทำข้าวหมกไก่ ควรเลือกเนื้อส่วนน่องและสะโพก เพราะจะให้รสชาติที่อร่อยนุ่มนวล


ขนมไข่ปลาสามสหาย


ขนมไข่ปลาสามสหาย
เมนูขนมไข่ปลาสามสหายนี้เป็นเมนูประยุกต์มาจาก ขนมไข่ปลาเนื้อตาล เนื่องจากเนื้อตาลค่อนข้างหายาก จึงหยิบเอาวัตถุดิบที่หาง่ายตามท้องตลาดมาทำแทน อาทิเช่นน้ำใบเตย ฟักทอง เผือกและมัน เมนูนี้ไม่จำกัดไอเดีย สามารถประยุกต์ใช้วัตถุดิบอื่นๆ มาเพิ่มสีสันและรสชาติให้ขนมไข่ปลาน่าทานมากขึ้นค่ะ
สูตรขนมไข่ปลาสามสหาย
สำหรับ 20-30 ตัว
เวลาในการทำ 1 ชั่วโมง 20 นาที
วัตถุดิบขนมไข่ปลาสามสหาย 
  • แป้งข้าวเหนียว 240 กรัม (แบ่งเป็น 3 ส่วน)
  • แป้งข้าวเจ้า 60 กรัม (แบ่งเป็น 3 ส่วน)
  • น้ำใบเตย 1 ถ้วย
  • ฟักทองต้มสุกบดละเอียด 150 กรัม
  • เผือกต้มสุกบดละเอียดและมันต่อเผือกต้มสุกบดละเอียด 150 กรัม
  • น้ำตาลทราย 1/2 กิโลกรัม
  • น้ำเปล่า 1/2 กิโลกรัม
  • มะพร้าวทึนทึกขูดมือ 1 ซีก
  • งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีทำขนมไข่ปลาสามสหาย
ส่วนน้ำเชื่อม
  1. 1. นำหม้อใส่น้ำละลายน้ำตาลทราย ยกขึ้นตั้งไฟคนต่อจนน้ำเชื่อมเดือดสักครู่ ยกลงพักไว้แช่ตัวขนม
  2. ส่วนแป้งขนม
  3. 1. แป้งสีเขียว ผสมแป้งข้าวเหนียวและแป้งข้าวเจ้าให้เข้ากัน ใส่น้ำใบเตย (อุ่น) ลงไปนวดจนแป้งเหนียวเนียน คลุมพลาสติกใสพักไว้
  4. 2. แป้งสีเหลือง ผสมแป้งข้าวเหนียวและแป้งข้าวเจ้าให้เข้ากัน ใส่เนื้อฟักทองต้มบดนวดให้เข้ากัน นวดต่อด้วยน้ำอุ่นจนเหนียว คลุมพลาสติกใสพักไว้
  5. 3. แป้งสีม่วง ผสมแป้งข้าวเหนียวและแป้งข้าวเจ้าให้เข้ากัน ใส่เนื้อเผือกและมันต่อเผือกต้มบด นวดให้เข้ากัน นวดต่อด้วยน้ำอุ่นจนเหนียว คลุมพลาสติกใสพักไว้
  6. 4. ปั้นแป้งขนมสีเขียว เหลืองและม่วง ตามลำดับ โดยแบ่งแป้งเป็นก้อนกลมขนาดเท่าหัวแม่มือ คลึงเป็นเส้นสั้นๆแล้วจับปลายทั้งสองด้านมาซ้อนกัน (ลักษณะคล้ายไข่ปลาสลิด) ปั้นใส่ถาดโรยแป้งนวลเล็กน้อย
  7. 5. ใส่น้ำ 3/4 ของหม้อ ตั้งไฟแรงจนกระทั้งเดือด ลดไฟลงปานกลาง ค่อยๆหย่อนแป้งที่ปั้นไว้ลงไปต้มจนแป้งสุกลอยขึ้นมา ใช้กระชอนตักขนมแช่ในน้ำเชื่อมที่ทำไว้ในตอนแรก 20 นาที เพื่อให้ขนมมีความหวาน
  8. 6. ใช้กระชอนตักขนมจากน้ำเชื่อมมาคลุกกลับมะพร้าวทึนทึกที่คลุกเกลือไว้
  9. 7. จัดใส่จานเสิร์ฟโรยด้วยงาคั่วขาวมากน้อยตามต้องการ


Cr. สูตรอาหารและภาพ http://www.foodtravel.tv/recfoodShow_Detail.aspx?viewId=2812

ทองม้วนสดสูตรชาววัง


ทองม้วนสดสูตรชาววัง
เครื่องปรุงหรือส่วนประกอบการทำทองม้วนสด
  • แป้งสาลีร่อนแล้ว 1กิโลกรัม
  • มะพร้าวขูดขาว 1กิโลกรัม
  • ไข่ไก่ 10 ฟอง
  • งาดำหรืองานขาวคั่วแล้ว 1/2ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1กิโลกรัม
  • เกลือป่น 1ช้อนชา
  • น้ำปูนใส 1+ 1/4ถ้วย
  • น้ำ 1/2ถ้วย
  • น้ำมันสำหรับทาพิมพ์ทองม้วน 1ถ้วย
  • น้ำใบเตยสดจำนวน 2ช้อนโต๊ะ (สีเขียวใบเตยเล็กน้อย)

ส่วนวิธีการทำทองม้วนสด 
  1. คั้นมะพร้าวด้วยน้ำอุ่น 3ถ้วยเพื่อให้ได้หัวกะทิ 5ถ้วย
  2. ผสมแป้งสาลีกับน้ำตาลเข้าด้วยกันในอ่างผสม
  3. ต่อยไข่ใส่ชาม ตีให้เข้ากัน ใส่หัวกะทิ เกลือ น้ำปูนใส น้ำ คนให้เข้ากัน หรือถ้าไม่ต้องการใส่น้ำใบเตยก็ได้จากนั้นค่อยเทน้ำใบเตยลงไป จะได้สีเขียวออกมา คนไปเรื่อยๆจนน้ำใบเตยหมด
  4. ค่อย ๆ เทส่วนผสมกะทิ ลงในส่วนผสมแป้งทีละน้อย ๆ คนให้เข้ากันดีไม่ต้องข้นมาก ใส่งาคั่วลงไปคนให้เข้ากัน
  5. นำพิมพ์ทองม้วนมาเปิดไฟให้ร้อน ใช้ไฟอ่อน ทาน้ำมันให้ทั่วพิมพ์ทั้งสองด้าน ตักแป้งหยอดบนพิมพ์ด้านหนึ่ง บีบพิมพ์สักครู่ พอให้แผ่นมันแบนแค่พอให้แป้งสุกใสเท่านั้น ระวังอย่าให้เหลือง เปิดพิมพ์ และใส่มะพร้าวอ่อนตรงกลางลงไปตามความต้องการ แล้วทำการม้วนให้เป็นหลอด เป็นอันเสร็จ ก็จะได้ทองม้วนสดที่แสนจะอร่อย

แหล่งที่มาของข้อมูล :
คุณไพลิน ศรีทอง
ที่อยู่ : หมู่ที่4 ตำบลหัวลำ อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี

ขนมใส่ไส้ หรือ ขนมสอดไส้


วิธีทำ ขนมใส่ไส้ หรือ ขนมสอดไส้
วัตถุดิบ สำหรับ 30 ห่อ
  • น้ำตาลปี๊ป 200 กรัม
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา สำหรับไส้ , เกลือป่น 1 ช้อนชา สำหรับกะทิ
  • มะพร้าวทึนทึกขูด
  • แป้งข้าวเหนียว 350 กรัม
  • น้ำใบเตยปั่นละเอียด 300 มิลลิลิตร
  • กะทิ 800 มิลลิลิตร
  • แป้งข้าวเจ้า 80 กรัม
  • กลิ่นมะลิ 1 ช้อนชา
  • ไม้สำหรับกลัด หรือไม้จิ้มฟัน
  • ใบตองเช็ดสะอาดสำหรับห่อขนม

วิธีทำ
  1. นำใบตองที่สำหรับห่อมาตัดเป็น 2 ขนาด ฉีกใบตองชั้นนอก 5 นิ้ว และสำหรับชั้นใน 4 นิ้ว และนำมาตัดมุมให้เป็นทรงวงรี เช็ดให้สะอาด และนำไปลนไฟเล็กน้อยเพื่อให้ห่อขนมได้ง่าย
  2. นำมะพร้าวทึนทึกที่ขูดเป็นเส้นยาว เกลือป่น และน้ำตาลปี๊บ ลงไปกวนในกระทะทองเหลือง ใช้ไฟอ่อน กวนไปเรื่อยๆ จนครบ 20 นาที จนส่วนผสมแห้ง จากนั้นก็ปิดไฟพักไว้ให้เย็น ผสมแป้งข้าวเหนียวและน้ำใบเตยเข้าด้วยกัน นวดแป้งจนเริ่มเป็นก้อน เสร็จแล้วให้คลุมด้วยพาสติกแรป
  3. นำกะทิ 1/4 ของกะทิทั้งหมดผสมกับแป้งข้าวเจ้า เกลือป่น กลิ่นมะลิ ลงไปในกระทะ คนให้เข้ากันจนแป้งไม้จับตัวกันเป็นเม็ด แล้วค่อยเติมกะทิส่วนที่เหลือลงไป เปิดไฟอ่อนๆ และคนไปเรื่อยๆ จนกะทิเหนียวข้น ปิดไฟพักไว้ให้เย็น เมื่อตัวไส้เริ่มเย็นดีแล้ว ปั้นไส้ให้เป็นก้อนกลมๆ ขนาด 1 นิ้ว จนหมด และปั้นตัวแป้งเป็นก้อนกลมขนาดใหญ่กว่าตัวไส้เป็น 1 นิ้วครึ่ง แผ่แป้งให้แบนวางไส้ลงตรงกลาง และห่อไส้ขนมให้มิด
  4. เตรียมใบตองสำหรับห่อ นำใบตอง 2 ขนาดที่ตัดไว้เป็นวงรีมาประกบกัน นำหน้านวลทั้ง 2 แผ่น ชนกัน
  5. นำขนมที่ปั้นไว้วางลงบนใบตอง และราดด้วยน้ำกะทิ 1 ช้อนโต๊ะ และพับใบตองให้เป็นทรงสูง คาดทับด้วยใบมะพร้าวและคาดด้วยไม้กลัด
  6. นึ่งในน้ำเดือดจัดประมาณ 30 นาที พักไว้ให้เย็นก่อนเสิร์ฟ


Cr. สูตรอาหาร http://food.mthai.com/food-recipe/95944.html
Cr. ภาพอาหาร http://larndham.org/